สาวอังกฤษแชร์ประสบการณ์ป่วยเป็นโรคประหลาดทำให้ปัสสาวะไม่ออกนานเป็นปี! ถึงขั้นต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อรักษาอาการดังกล่าว
แอล อดัมส์ (Elle Adams) สาวอังกฤษวัย 30 ปี จากกรุงลอนดอนของอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าวท้องถิ่น “The Sun” เมื่อวานนี้ (22 มีนาคม 2566) ว่า เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดทำให้ปัสสาวะไม่ออกนาน 14 เดือน โดยพบอาการดังกล่าวในเช้าวันหนึ่งของเดือนตุลาคมปี 2563 ไม่ว่าเธอจะพยายามเบ่งปัสสาวะ หรือกินน้ำเยอะสักเท่าไหร่ แต่ปัสสาวะเจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ยอมออกมาซะที! แถมยังทำให้เธอปวดท้องหน่วง ๆ อีกด้วย
หลังจากทนทรมานด้วยอาการปัสสาวะไม่ออกนานสัปดาห์ “แอล อดัมส์” จึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลเซนต์โธมัส (St. Thomas) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ เมื่อคุณหมอตรวจภายในกระเพาะปัสสาวะของเธอก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะพบปริมาณปัสสาวะที่คั่งค้างในตัวเธอถึง 600 มิลลิลิตร โดยปกติแล้วกระเพาะปัสสาวะผู้หญิงสามารถรองรับของเหลวได้สูงสุด 500 มิลลิลิตร และกระเพาะปัสสาวะผู้ชายสามารถรองรับของเหลวได้สูงสุด 700 มิลลิลิตร
หลังจากหมออังกฤษทำการสวนปัสสาวะของเธอออกหมดแล้ว หมอก็ได้ทำการตรวจการทำงานของกระเพาะปัสสาวะต่อทันที ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเพื่อวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแบบเป๊ะ ๆ ต้องกินเวลานานถึง 8 เดือน ดังนั้น ในระหว่างที่ “แอล อดัมส์” รอผลการตรวจจะต้องทำการสวนปัสสาวะด้วยตัวเอง โดยใช้สายสวนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
สุดท้ายแล้ว หมอวินิจฉัยว่า “แอล อดัมส์” เป็นโรคที่เกิดได้ยาก ซึ่งเรียกว่า “Fowler’s Syndrome” (อ่านว่า “ฟาวเลอร์ซินโดรม”) พบได้ในผู้หญิงช่วงอายุระหว่าง 20-40 ปี ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายปัสสาวะไม่ออก ต้องสวนปัสสาวะ แต่ตรวจไม่พบความผิดปกติใด ๆ ที่จะอธิบายอาการถ่ายปัสสาวะไม่ออกนี้ได้ สำหรับโรคนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศไทย เพราะมีผู้ป่วยน้อย ส่งผลให้พวกเขาได้รับการรักษาไม่ตรงตามพยาธิสภาพ
สำหรับการรักษาโรคนี้ของหมออังกฤษ พวกเขาแนะนำให้ “แอล อดัมส์” เข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่เรียกว่า “การกระตุ้นเส้นประสาทใต้กระเบ็นเหน็บ (Sacral nerve stimulation)” ในเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา การผ่าตัดดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะโดยตรง โดยผ่าตัดฝังอุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาทไว้ในร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งการผ่าตัดก็ผ่านพ้นไปด้วยดี และช่วยให้ “แอล อดัมส์” กลับมาปัสสาวะได้ตามปกติ แม้จะไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเธอยังต้องใช้เครื่องสวนปัสสาวะร่วมด้วยอยู่ แต่ก็ดีกว่าเดิมมากเลยเชียวล่ะ
ที่มา: The Sun